ในยุคปัจจุบัน “การทำงานของ AI” ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ไกลตัวเราอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่ซึมซาบเข้าไปในชีวิตประจำวันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน, การค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต, ระบบแนะนำคอนเทนต์ตามความสนใจ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการเกิดขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ทำให้การดำเนินชีวิตและการทำงานของเราราบรื่น และดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในบทความนี้ any i จะพาทุกคนไปเจาะลึก “การทำงานของ AI” กันแบบหมดเปลือก ตั้งแต่กระบวนการเรียนรู้ ขีดความสามารถ ไปจนถึงความแตกต่างระหว่างการคิดสร้างสรรค์ และการตอบสนองตามข้อมูล มาร่วมสำรวจความลับของ AI และค้นหาคำตอบที่คุณอาจคาดไม่ถึงในโลกของปัญญาประดิษฐ์กัน
AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นคำที่ใช้เรียกความสามารถของเครื่องจักรในการทำงานของ AI ด้านความคิด และการตัดสินใจคล้ายกับมนุษย์ เช่น การเรียนรู้จากข้อมูล การวิเคราะห์ภาพและเสียง รวมถึงการแก้ปัญหาต่าง ๆ แทนที่เราจะต้องเป็นผู้สั่งงานทีละขั้นตอน AI สามารถ “คิด” และ “ปรับตัว” ตามข้อมูลที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำรายการเพลงตามรสนิยมของเรา หรือช่วยธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้รวดเร็ว และแม่นยำกว่าเดิม
“การทำงานของ AI” เริ่มต้นจากการนำข้อมูลปริมาณมหาศาล (Big Data) ใส่ลงไปในแบบจำลอง (Model) หรืออัลกอริทึมที่ออกแบบมาเฉพาะ จากนั้นกระบวนการ “เรียนรู้” จะเกิดขึ้น โดยโมเดลจะพยายามค้นหารูปแบบ (Patterns) และความสัมพันธ์ (Relationships) ระหว่างข้อมูล เมื่อเรียนรู้เพียงพอ AI จะสามารถใช้ความรู้ที่ได้จากข้อมูลในอดีต มาทำนายหรือวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ ในแง่นี้ AI เปรียบเสมือนนักเรียนที่เรียนรู้จากตำราและประสบการณ์ เมื่อเผชิญโจทย์ใหม่ก็สามารถลองประยุกต์ใช้ความรู้แก้ปัญหาได้
เทคโนโลยีย่อยของ AI ที่สำคัญ ได้แก่
AI สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามขอบเขตความสามารถ และพัฒนาการ ได้แก่
Artificial Narrow Intelligence (ANI) หรือ Narrow AI คือรูปแบบของปัญญาประดิษฐ์ที่เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สามารถปฏิบัติงานหนึ่งงาน (หรือไม่กี่งาน) ได้อย่างดีเยี่ยมแต่ไม่ได้มีความสามารถกว้างขวางเหมือนมนุษย์หรือ AI ขั้นสูงกว่า เปรียบเสมือนเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อการทำงานของ AI เฉพาะอย่างให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่สามารถคิดประยุกต์นอกเหนือขอบเขตที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้
เป็น AI ที่สามารถพบได้ทั่วไปซึ่งรู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง คือ “Weak AI” เนื่องจากขีดความสามารถถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบ ๆ แม้จะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในงานที่กำหนด แต่ก็ไม่สามารถ “คิด” หรือ “เข้าใจ” โลกกว้างในแบบมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
AI SNAP VDO เป็นตู้ถ่ายภาพอัจฉริยะรุ่นอัปเกรดจาก any i ที่นำ Narrow AI มาสร้างประสบการณ์ด้านภาพ และวิดีโอในงานอีเวนต์ได้อย่างโดดเด่น ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพนิ่ง แต่ยังสามารถสร้างวิดีโอสั้น ๆ ด้วยเอฟเฟกต์ หรือธีมที่หลากหลาย ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับทั้งรูป และวิดีโอสุดพิเศษไปพร้อมกันภายในครั้งเดียว
AI Presenter ระบบพรีเซนเตอร์เสมือนจริงที่ผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Narrow AI) เข้ากับคอมพิวเตอร์กราฟิกขั้นสูง เพื่อสร้างตัวแทนที่มีบุคลิก ภาษากาย ท่าทาง น้ำเสียง และการแสดงออกทางอารมณ์ใกล้เคียงมนุษย์อย่างน่าทึ่ง สามารถเข้าใจ และตอบสนองภาษามนุษย์ได้อย่างอัจฉริยะ ช่วยให้การสื่อสารกับผู้เข้าร่วมงานในอีเวนต์เป็นไปอย่างลื่นไหลและน่าดึงดูด
ในขณะที่ Narrow AI หรือปัญญาประดิษฐ์แบบจำกัดขอบเขตเป็นสิ่งที่เรากำลังใช้จริงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการจดจำภาพใบหน้า การแนะนำสินค้า หรือการช่วยแปลภาษาโดยอัตโนมัติ แต่โลกของ AI ยังมีเป้าหมายที่กว้างไกลยิ่งกว่านั้น นั่นคือ General AI หรือที่เรียกกันว่า Artificial General Intelligence (AGI) หรือ Strong Intelligence
General AI หมายถึงความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และทำความเข้าใจโลกได้อย่างหลากหลาย และครอบคลุม ไม่จำกัดเพียงโดเมนใดโดเมนหนึ่งเหมือน Narrow AI แต่เป้าหมายคือการสร้าง AI ที่มีความสามารถใกล้เคียงหรือเทียบเคียงมนุษย์ในมิติความเข้าใจด้านต่าง ๆ เช่น
ทั้งนี้การพัฒนา General AI ยังอยู่ห่างไกล เนื่องจากตัวมนุษย์เองนั้นก็ยังไม่เข้าใจ “ความฉลาด” ของมนุษย์ได้อย่างถ่องแท้ อีกทั้งสมองเรายังคงเป็น “กล่องดำ” (Black Box) ที่ซับซ้อน Neural Networks อาจเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่พอที่จะเข้าถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ อีกทั้งยังมีอุปสรรคสำคัญ เช่น
ซึ่งหากวันหนึ่งที่เราสามารถพัฒนาการทำงานของ AI แบบ General AI ได้สำเร็จ มันจะเปิดประตูสู่การก้าวกระโดดครั้งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี AI อาจช่วยแก้ปัญหาที่ยากเกินกว่ามนุษย์จะแก้ได้ เช่น การพยากรณ์แนวโน้มภูมิอากาศ การค้นพบยารักษาโรคที่ซับซ้อน หรือแม้แต่การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ในระดับโลก
หากมองจากลำดับการพัฒนา AI เราเริ่มต้นจาก Narrow AI ที่เชี่ยวชาญเพียงงานเฉพาะอย่าง ตามด้วย General AI ที่ตั้งเป้าให้ AI มีความสามารถกว้างขวางหลากหลายเหมือนมนุษย์ แต่จุดสูงสุดและเป็นภาพฝันในอนาคตอันไกลกว่านั้น คือ Artificial Super Intelligence (ASI) หรือ Super AI ซึ่งคาดว่าจะมีความฉลาดล้ำเหนือมนุษย์และสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่เรารู้จัก
ทั้งนี้ Artificial Super Intelligence (ASI) คือเป้าหมายปลายทางของการพัฒนา AI ที่มีความฉลาดเหนือมนุษย์ในทุกด้าน การไปถึงจุดนี้อาจเปิดประตูสู่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็เสี่ยงต่อปัญหาด้านจริยธรรม ความปลอดภัย และสังคม การคิดล่วงหน้าถึงหลักการควบคุมและกำกับดูแลอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น การมีส่วนร่วมของนักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางสังคม และประชาคมโลกจะช่วยให้เทคโนโลยีระดับสุดยอดนี้ถูกใช้อย่างรับผิดชอบและยั่งยืน นำมาซึ่งอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับมนุษยชาติ
เมื่อเข้าใจภาพรวมการทำงานของ AI ตั้งแต่ระดับ Narrow AI ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึง General AI และ Super AI ที่ยังคงเป็นเป้าหมายในอนาคต คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคงหนีไม่พ้นเรื่องกลไกการทำงานของ AI จริง ๆ แล้ว AI คิดเองได้หรือแค่ทำตามคำสั่ง? ไม่ป้อนข้อมูล AI จะเรียนรู้ได้ไหม? หรือ AI จะตอบสนองอย่างไรเมื่อเจอปัญหาใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจขอบเขตความสามารถ และข้อจำกัดของ AI ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการประเมินบทบาทของ AI ในชีวิตประจำวันและอนาคต
ในปัจจุบัน AI ยังไม่มีความสามารถในการคิดเองหรือสร้างแนวคิดใหม่จากศูนย์ สิ่งที่ AI ทำคือการประมวลผลและตอบสนองตามรูปแบบข้อมูล (Patterns) ที่มันเคยเรียนรู้มา AI อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อหาความสัมพันธ์ในข้อมูล และตอบคำถามหรือดำเนินการตามกฎที่ตั้งไว้ ตัวอย่างเช่น AI อาจสามารถแนะนำเพลงที่เราน่าจะชอบจากพฤติกรรมการฟังในอดีต แต่ไม่ได้ "คิด" หรือ "เข้าใจ" ในความหมายที่มนุษย์มี ดังนั้น AI ในปัจจุบันยังถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ มากกว่าจะเป็นสิ่งที่มีความคิดสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง
AI ต้องการข้อมูลเริ่มต้นสำหรับการเรียนรู้เสมอ หากไม่มีข้อมูลที่เหมาะสม AI จะไม่สามารถพัฒนาหรือทำงานได้ ระบบเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) หรือแม้แต่การเรียนรู้แบบไม่มีการกำกับดูแล (Unsupervised Learning) ยังคงต้องพึ่งพาชุดข้อมูลเพื่อเริ่มต้นการเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ AI จะต้องได้รับชุดข้อมูลภาพ และการวินิจฉัยเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเรียนรู้รูปแบบก่อนที่จะสามารถวิเคราะห์ภาพใหม่ได้
AI มีข้อจำกัดในเรื่องของคุณภาพข้อมูลที่ใช้ฝึก หากข้อมูลที่นำมาใช้มีความผิดพลาด หรือบิดเบือน ผลลัพธ์จาก AI ก็จะสะท้อนข้อผิดพลาดเหล่านั้นออกมาได้ ตัวอย่างเช่น หาก AI ถูกฝึกด้วยข้อมูลที่มีอคติ หรือข้อมูลไม่สมบูรณ์ มันอาจให้คำตอบที่ผิดเพี้ยน หรือไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ดังนั้น การทำ Data Cleaning หรือการตรวจสอบคุณภาพข้อมูลก่อนใช้งาน AI เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและถูกต้องที่สุด
เมื่อ AI ต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยมีข้อมูล หรือประสบการณ์มาก่อน มันอาจตอบผิด หรือให้คำตอบที่ไม่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี เช่น Few-shot Learning การใช้ข้อมูลตัวอย่างจำนวนเล็กน้อยเพื่อฝึก AI หรือ Zero-shot Learning คือการไม่ต้องมีตัวอย่างเลย แต่ AI จะใช้ความรู้เดิมที่มีในการวิเคราะห์และคาดการณ์ ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้จะช่วยให้ AI สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อสถานการณ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่มีข้อมูลเฉพาะทางมาก่อน เทคนิคเหล่านี้ทำให้ AI สามารถปรับตัวและประยุกต์ใช้ความรู้ที่เคยเรียนรู้มาได้ดีขึ้นในสถานการณ์ที่แปลกใหม่ แต่ยังไม่สามารถเทียบเคียงความสามารถในการปรับตัวของมนุษย์ได้ในระดับเดียวกัน
การทำงานของ AI กำลังขยับขยายขีดความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่อง จาก Narrow AI ที่เน้นทำงานเฉพาะด้าน สู่วิสัยทัศน์ของการพัฒนา General AI ที่สามารถเรียนรู้และประยุกต์ใช้ความรู้ได้หลากหลาย รวมถึงการก้าวสู่ Super AI ที่อาจมีความฉลาดเหนือมนุษย์ ทุกขั้นตอนนี้ไม่ได้มีเพียงในแง่เทคนิคเท่านั้น แต่ยังมีในแง่มุมทางจริยธรรม กฎหมาย และสังคมที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
การนำ AI มาใช้ในธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะในการจัดงานอีเวนต์และการสื่อสารข้อมูล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโดดเด่นในการนำเสนอ ทำให้ผู้จัดงานสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ตรงเป้า และมีความน่าสนใจมากขึ้น ในขณะที่สามารถช่วยลดต้นทุน และเวลาในการจัดเตรียม ซึ่งความก้าวหน้านี้ได้สะท้อนถึงศักยภาพของ AI ในการช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อแทนที่มนุษย์ แต่มาเสริมทัพให้การจัดงาน และการสื่อสารเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ
ท้ายที่สุด การเข้าใจ “การทำงานของ AI” และการประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน จะช่วยให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น
หากนักจัดอีเวนต์ Organizer หรือ ธุรกิจใดที่ต้องการนำเทคโนโลยี AI SNAP VDO หรือ AI Presenter ไปใช้ในงานอีเวนต์ต่าง ๆ สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก any i ผ่านช่องทางแชตบนหน้าเว็บไซต์
ช่องทางการติดต่ออื่น ๆ
Email: contact@anyimedia.com
LINE Official: @anyi
เบอร์โทรศัพท์: 061-023-7370
ทาง any i ยินดีให้บริการทุกท่านเสมอ
ที่มา
Artificial Intelligence: a look at its three types and their possible future implications จาก deltalogix
AREA OF SERVICE
Bangkok, Thailand
PHONE
061-023-7370
khem@anyimedia.com