5 ไอเดียการใช้จอ Interactive ในงานอีเวนต์ให้โดดเด่นและน่าจดจำ

หลายคนอาจเคยเข้าใจว่า "จอ Interactive" คือจอ Touchscreen ที่ใช้แตะหรือกดเลือกเมนูแบบทั่วไปเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว จอ Interactive เป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์โต้ตอบกับผู้ใช้งานได้หลากหลายและน่าจดจำ ทั้งในรูปแบบของ Interactive Wall, Interactive Airtouch ไปจนถึงการใช้จอเทคโนโลยี AR แบบเสมือนจริง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถยกระดับงานอีเวนต์ให้กลายเป็น Talk of the Town ได้ไม่ยาก
ในบทความนี้ any i ขอพาไปรู้จักกับ 5 ไอเดียการใช้จอ Interactive ที่ช่วยให้บูทของเราโดดเด่น พร้อมเพิ่ม Engagement และความทรงจำดี ๆ ให้กับผู้เข้าร่วมงาน
ทำความรู้จัก “จอ Interactive”
จอ Interactive คือ อุปกรณ์แสดงผลที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะด้วยการสัมผัส การเคลื่อนไหว หรือเทคโนโลยีผสานโลกเสมือนจริงอย่าง AR (Augmented Reality) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ประสบการณ์ร่วม” ที่ทั้งดึงดูดและจดจำง่ายกว่าเดิม
โดยในยุคที่การนำเสนอข้อมูลเพียงอย่างเดียวอาจไม่พออีกต่อไป จึงต้องมีการเพิ่ม ‘ความรู้สึก’ และ ‘เรื่องราวที่จดจำได้’ เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค จอ Interactive จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทรงพลังในงานอีเวนต์ เนื่องจากทำให้ผู้ร่วมงานกลายเป็น “ส่วนหนึ่งของแบรนด์” ไม่ใช่แค่ผู้ชมภายนอกอีกต่อไป
ประเภทของจอ Interactive ที่นิยมใช้งานในอีเวนต์
1. Touchscreen (Kiosk)

จอ Touchscreen หรือ Kiosk คือ จอที่ผู้ใช้งานสามารถกด แตะ เลื่อน หรือพิมพ์ข้อความได้ทันที เหมาะสำหรับการใช้งานในจุดเริ่มต้นของกิจกรรม เช่น ลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิ์ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
แม้จะเป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดของจอ Interactive แต่ Kiosk ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในทุกอีเวนต์ เพราะเป็นจุดแรกที่ผู้เข้าร่วมมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องการการเก็บข้อมูลลูกค้า การเชื่อมโยงไปยังแอปพลิเคชัน CRM หรือการนำเสนอข้อมูลสินค้าแบบเข้าใจง่าย
ในอีกหลายกรณี Kiosk ยังใช้ในรูปแบบจอสัมผัสที่มีเกมหรือกิจกรรมดึงดูดใจ เช่น การสุ่มรับของรางวัลหลังลงทะเบียน หรือการตอบคำถามเพื่อรับคูปองดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถควบคุมผ่านระบบที่อัปเดตเนื้อหาได้ทันที
ตัวอย่างการใช้งาน
- ใช้ใน Registration Zone เพื่อให้ผู้ร่วมงานลงทะเบียนด้วยตนเองได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้ในบูทสินค้าให้ผู้ใช้งานเลือกชมผลิตภัณฑ์ เปรียบเทียบราคา หรือกรอกฟอร์มขอข้อมูล
- เพิ่มเกมตอบคำถามเพื่อรับของที่ระลึก เช่น Spin the Wheel, Quiz Challenge
ข้อดี
- ใช้งานง่าย เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องอธิบายมาก
- เก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ พร้อม Export เป็นไฟล์ Excel หรือส่งเข้าระบบ CRM
- เป็นการเริ่มสร้าง Engagement ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่งาน
2. Interactive Wall

Interactive Wall คือ การใช้ผนังแสดงผลเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมกับเนื้อหาบนจอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้การสัมผัสเพียงอย่างเดียว แต่สามารถผสานเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Motion Sensor และระบบเสียง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและน่าจดจำยิ่งกว่าเดิม
ตัวอย่างการใช้งาน
- ผสานงานศิลปะและดนตรี เช่น การทำ Graffiti ดิจิทัลที่สร้างเสียงดนตรีจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน
- ให้ผู้ร่วมงานเต้นหรือเคลื่อนไหวร่างกายต่อหน้าผนัง เพื่อให้เกิดภาพหรือเสียงในแบบเฉพาะของตัวเอง
- ใช้เป็น Interactive Backdrop สำหรับกิจกรรมโชว์ตัวศิลปินหรือเวิร์กช็อป
ข้อดี
- กระตุ้นการมีส่วนร่วมแบบ Active ผ่านการเคลื่อนไหว ไม่ใช่แค่สัมผัส
- ผสานศิลปะ ดนตรี และเทคโนโลยีเข้าไว้ในพื้นที่เดียว สร้างประสบการณ์แบบ Immersive
- สร้าง Wow Effect และกระตุ้นการถ่ายภาพ หรือวิดีโอ แชร์ต่อบนโซเชียลได้ง่าย
3. Interactive Airtouch
Interactive Airtouch คือ เทคโนโลยีที่ให้ผู้ใช้งานสั่งงานผ่านท่าทางในอากาศ โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอโดยตรง เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ งานที่มีคนพลุกพล่าน หรือในกลุ่มที่ต้องการลดการสัมผัสเพื่อความสะอาด เช่น โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือสนามบิน
เทคโนโลยี Airtouch มักใช้เซนเซอร์อินฟราเรดหรือกล้อง 3D เพื่อตรวจจับและแปลความหมายท่าทางของผู้ใช้งาน โดยสามารถแยกแยะระหว่างการแตะ การปัด หรือการขยับนิ้ว แม้ว่าจะอยู่ห่างจากหน้าจอได้ถึง 10-20 เซนติเมตร ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับกำลังควบคุมอุปกรณ์ด้วยพลังพิเศษ
ตัวอย่างการใช้งาน
- สร้างกิจกรรม Virtual Product Showcase ที่ผู้ใช้สามารถหมุน ขยาย หรือสำรวจผลิตภัณฑ์แบบ 360 องศาโดยไม่ต้องสัมผัส
- จัดทำ Virtual Fitting Room ให้ผู้ร่วมงานลองสินค้าแบบเสมือนจริงโดยใช้ท่าทางควบคุม
- สร้างเกมที่ใช้การเคลื่อนไหวมือและร่างกายในอากาศ เช่น การตีวัตถุเสมือน หรือการเลือกตำแหน่งบนแผนที่
ข้อดี
- สร้างความประทับใจด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร
- เหมาะกับยุค New Normal ที่ผู้คนระมัดระวังเรื่องการสัมผัสพื้นผิวสาธารณะ
- ดึงดูดความสนใจได้ดีเพราะรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างจากอุปกรณ์ทั่วไป
4. Interactive AR (Augmented Reality)

เทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality คือการผสานโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนผ่านหน้าจอหรืออุปกรณ์ เช่น แว่น AR หรือจอ Interactive AR Wall ซึ่งเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับการนำเสนอข้อมูล สินค้า หรือประสบการณ์แบรนด์ได้อย่างมหาศาล
ในงานอีเวนต์ จอ Interactive AR สามารถสร้างประสบการณ์แบบ "มหัศจรรย์" ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นสิ่งที่เกินกว่าความเป็นจริง เช่น การมองเห็นภาพเคลื่อนไหว 3 มิติลอยออกมาจากสื่อสิ่งพิมพ์ หรือการได้เห็นสินค้าที่ยังไม่เปิดตัวปรากฏตัวขึ้นบนพื้นที่จริง
ตัวอย่างการใช้งาน
- สร้าง AR Photo Booth ที่ผู้ร่วมงานสามารถถ่ายรูปกับตัวละครหรือองค์ประกอบเสมือนที่เชื่อมโยงกับแบรนด์
- จัดทำ Product Visualization ที่แสดงคุณสมบัติพิเศษหรือกลไกภายในของสินค้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
- ออกแบบเกมหรือกิจกรรมที่ผู้เล่นต้องค้นหาวัตถุ AR ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่จริงของงาน
ข้อดี
- สร้างความประทับใจและความจดจำแบรนด์ในระดับสูง
- นำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่ายผ่านภาพเสมือน 3 มิติ
- กระตุ้นการแชร์ประสบการณ์บนโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. Interactive Floor/Table Projection

จอ Interactive แบบ Floor Projection หรือ Table Projection คือการฉายภาพลงบนพื้นหรือโต๊ะ และให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับภาพที่ฉายนั้นได้ โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้พื้นที่ธรรมดากลายเป็นพื้นที่ Interactive ขนาดใหญ่ได้ทันที
เทคโนโลยีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างกิจกรรมกลุ่มหรือการนำเสนอที่ต้องการให้ผู้ชมหลายคนมีส่วนร่วมพร้อมกัน โดยไม่จำกัดว่าต้องมีอุปกรณ์เฉพาะ
ตัวอย่างการใช้งาน
- สร้างพื้นที่เล่นเกมแบบ Multi-player เช่น เกมฟุตบอลเสมือน หรือเกมตอบคำถามที่ผู้เล่นต้องเหยียบคำตอบที่ถูกต้อง
- จัดทำโต๊ะ Interactive ที่แสดงข้อมูลสินค้าเมื่อวางโมเดลหรือตัวอย่างผลิตภัณฑ์จริงลงบนโต๊ะ
- ออกแบบ Interactive Path ที่เปลี่ยนแปลงตามทิศทางการเดินของผู้ร่วมงาน เช่น พื้นที่เปลี่ยนสีหรือแสดงข้อมูลตามตำแหน่งที่ผู้ใช้ยืนอยู่
ข้อดี
- รองรับผู้ใช้งานได้พร้อมกันหลายคน เหมาะกับกิจกรรมกลุ่มใหญ่
- สร้างประสบการณ์ร่วมที่กระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมงาน
- ปรับเปลี่ยนธีมหรือเนื้อหาได้ง่ายด้วยการเปลี่ยนโปรแกรมที่ฉาย โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใหม่
5 ไอเดียการใช้จอ Interactive ในงานอีเวนต์

1. จอ Interactive Wall กับการวาดภาพด้วยร่างกาย
มีการใช้จอ Interactive Wall ที่เชื่อมต่อกับระบบเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว เมื่อคนดูขยับแขนหรือเดินผ่าน หน้าจอก็จะแสดงลวดลายภาพวาดกราฟฟิตี้ หรือคลื่นสีตามร่างกายที่ขยับ พร้อมมีเสียงดนตรีเล่นประกอบตามจังหวะการเคลื่อนไหว ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนได้ร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ยืนดูเฉย ๆ ความรู้สึกนี้เองที่ทำให้คนอยากอยู่ตรงนั้นนานขึ้น และยังช่วยให้เกิดการถ่ายภาพหรือวิดีโอเพื่อแชร์ต่อบนโซเชียลได้ง่ายมาก
2. จอ AR สำหรับถ่ายภาพแบบเสมือนจริง
อีกหนึ่งไอเดียน่าสนใจคือการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ผสานกับจอ Interactive เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถถ่ายภาพคู่กับตัวละครหรือฉากเสมือนที่ลอยขึ้นมาจากจอ เช่น เมื่อยืนอยู่หน้าจอ ก็จะเห็นตัวการ์ตูนหรือมาสคอตเสมือนยืนข้าง ๆ ตนเองทันที ผ่านกล้องของแท็บเล็ตหรือหน้าจอขนาดใหญ่ จุดเด่นของไอเดียนี้คือผู้ชมสามารถมี “ภาพถ่ายไม่เหมือนใคร” ที่ดูน่ารัก น่าตื่นเต้น และพร้อมแชร์บนโซเชียลได้ทันที กลายเป็นกิจกรรมที่มีคนต่อคิวเล่นอย่างต่อเนื่องทั้งวัน
3. จอ Airtouch ควบคุมด้วยมือในอากาศ
ในงานที่ต้องการลดการสัมผัสโดยตรง เช่น ช่วงโรคระบาด หรือพื้นที่ที่มีคนแน่น ๆ การใช้จอ Airtouch เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มาก เพราะไม่ต้องแตะจอก็สามารถควบคุมเนื้อหาได้ ผู้ใช้งานแค่ขยับมือในอากาศเพื่อเลื่อนหมุน ซูม หรือเปลี่ยนมุมมองของผลิตภัณฑ์ เช่น หมุนดูโมเดลสินค้าแบบ 360 องศา จอแบบนี้เหมาะกับสินค้าที่มีรายละเอียดเยอะ หรือของที่ไม่สามารถนำมาโชว์จริงได้ เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่ หรือสินค้าไฮเทคที่ต้องอธิบายด้วยภาพ 3 มิติ
4. จอ Interactive บนพื้น สำหรับเกมแบบกลุ่ม
บางงานสามารถเลือกใช้พื้นที่ธรรมดาอย่าง “พื้นทางเดิน” มาเปลี่ยนเป็นพื้นที่เล่นเกมได้ ด้วยการใช้โปรเจกเตอร์ฉายภาพและเซนเซอร์ตรวจจับเท้า เมื่อมีคนเดินผ่านหรือเหยียบ พื้นก็จะตอบสนองทันที เช่น แสดงสี เปลี่ยนฉาก หรือให้คะแนน เหมาะมากสำหรับกลุ่มเด็ก ครอบครัว หรือแม้แต่งานเปิดตัวที่อยากให้คนมีส่วนร่วมพร้อมกันหลาย ๆ คน ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มเวลาเฉลี่ยที่คนอยู่นานขึ้น และสร้างความสนุกแบบเรียลไทม์ในพื้นที่จำกัดได้ดีมาก
5. จอ Touchscreen สำหรับลงทะเบียนและลุ้นรางวัล
สุดท้ายคือการใช้จอ Touchscreen หรือ Kiosk แบบที่เห็นกันบ่อยในจุดลงทะเบียน แต่นำมาใส่ลูกเล่นเพิ่มเติม เช่น ลงทะเบียนแล้วได้สิทธิเข้าร่วมเกมหมุนวงล้อ รับของรางวัล หรือเล่น Quiz ตอบคำถามสนุก ๆ เพื่อสะสมแต้ม สิ่งนี้นอกจากจะช่วยเก็บข้อมูลผู้ร่วมงานอย่างเป็นระบบแล้ว ยังช่วยให้คนเริ่มต้นมีประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงงาน เพิ่มอัตราการเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ได้แบบน่าสนใจ
สรุป
การใช้ จอ Interactive ในงานอีเวนต์ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มลูกเล่นทางเทคโนโลยี แต่คือการสร้าง “ประสบการณ์ร่วม” ที่ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานให้มีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลที่เข้าใจง่าย การนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเสมือนจริง การสร้างกิจกรรมที่กระตุ้นการเคลื่อนไหว หรือแม้แต่การสร้างสื่อสังคมจากประสบการณ์ที่ผู้ชมอยากแชร์ต่อเอง
ดังนั้น สำหรับผู้จัดงานหรือเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง พร้อมเพิ่มคุณค่าทางแบรนด์และความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน การลงทุนใน จอ Interactive คือทางเลือกที่ทั้งตอบโจทย์และคุ้มค่าในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหา "จอ Interactive” ที่ครบ จบ พร้อมใช้งาน อย่าพลาดที่จะเลือกใช้เครื่องมือดี ๆ จาก any i ที่พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ในการสร้างความสำเร็จในทุกงานของคุณ!
สำหรับนักจัดอีเวนต์ Organizer หรือ ธุรกิจใดที่ต้องการนำเทคโนโลยี “จอ Interactive” ไปใช้ในงานอีเวนต์ สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก any i ผ่านช่องทางแชตบนหน้าเว็บไซต์
ช่องทางการติดต่ออื่น ๆ
Email: contact@anyimedia.com
LINE Official: @anyi
เบอร์โทรศัพท์: 061-023-7370
ทาง any i ยินดีให้บริการทุกท่านเสมอ