ทำไมเทคโนโลยี AR ถึงเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบโลจิสติกส์ได้ในอนาคต

การแข่งขันเรื่องของความรวดเร็ว และ แม่นยำ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ท้าทายการทำงานของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้วยปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นของการซื้อสินค้าออนไลน์ ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจขนส่ง ต้องมีการพัฒนาให้ทันกับสถานการณ์ ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างกระบวนการทำงาน รวมไปถึงการนำการเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่าง เทคโนโลยี AR ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ได้นำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการเพิ่มศักยภาพของการทำงาน ลดการเสียเวลา และลดข้อผิดพลาดได้มากยิ่งขึ้น

การใช้เทคโนโลยี AR กับระบบโลจิสติกส์

Augmented Reality (AR) หรือ เทคโนโลยีความจริงเสริม เป็นเทคโนโลยีที่ผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือนเข้าด้วยกัน ผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น แว่นตา AR แทปแลต ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพที่มีลักษณะเป็นวัตถุเสมือนจริง บนตำแหน่งของพื้นที่โลกความจริง เช่น บนชั้นวาง ที่ถูกตั้งค่าข้อมูลเอาไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การทำงาน เมื่อมีการใช้อุปกรณ์ AR ในการปฎิบัติงานก็สามารถรับรู้ และ โต้ตอบได้ทันที

ภาพจาก: jasoren.com

เทคโนโลยี AR มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ในปี 2560 บริษัท DHL ผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก ได้มีการเปิดตัวโครงการนำร่อง ที่เรียกว่า Vision Picking โดยมีการนำแว่นตาอัจฉริยะ AR มาใช้ปฏิบัติงานในคลังสินค้า จากการทดลองส่งผลให้ ประสิทธิภาพของการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 25% และมีอัตราความผิดพลาดลดลงจากเดิม การนำเทคโนโลยี AR มาใช้นี้ยังช่วยให้ บริษัท DHL ลดเวลาสำหรับการฝึกอบรมพนักงาน และ การปฐมนิเทศพนักงานใหม่ลง 50% อีกด้วย

5 สิ่งที่เทคโนโลยี AR เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบโลจิสติกส์

1. เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูล 

อุปกรณ์ที่แสดงผล วัตถุเสมือนจริง (AR) จะช่วยให้พนักงานสามารถหยิบสินค้าได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ โดยอาศัยฟีเจอร์การสแกนบาร์โค้ด สำหรับการตรวจสอบข้อมูลของสินค้าที่จะเป็นตัวช่วยให้ค้นหารายการที่ต้องการ บนชั้นวางได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นจากการหยิบสินค้าผิดรายการได้อีกด้วย

วิดีโอจาก: DHL

2. ช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน

การใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (AR) ที่ผสานเอาโลกความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือน โดยแสดงผลผ่านอุปกรณ์ สามารถช่วยในเรื่องของการคำนวณเส้นทางแก่พนักงาน เพื่อเป็นการลดระยะเวลาในการเดินทางจากแต่ละโซนในคลังสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งการใช้อุปกรณ์เสริม AR จะทำให้พนักงานสามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น



ภาพจาก: jasoren.com

3. สร้างความเป็นระเบียบ และอำนวยความสะดวก

เทคโนโลยี AR สามารถเพิ่มศักยภาพของการพัฒนาในส่วนของอุตสาหกรรมขนส่งในด้านของการตรวจสอบความสมบูรณ์ของสินค้าให้ถูกต้องและครบถ้วน รวมไปถึงเรื่องการจัดการของคลังสินค้า ที่จะสร้างความเป็นระเบียบมากขึ้น เมื่อมีตัวช่วยบ่งบอกรายละเอียด และ ตำแหน่งการจัดวางสินค้า ที่ช่วยให้ระบบการทำงานสะดวกพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายต่อไปในกระบวนการบรรจุสินค้าเพื่อจัดส่ง

4. สามารถจัดการขนส่งสินค้าได้อย่างราบรื่น

ในการขนส่งสินค้า จำเป็นจะต้องมีการบริหารจัดการในหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ขนาดน้ำหนัก ของพัสดุ จุดหมายปลายทาง ฯลฯ ซึ่งการนำเทคโนโลยี AR เข้ามาเป็นตัวช่วย จะทำให้การจัดการและประมวลผล ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5. ช่วยส่งเสริมการทำงานของพนักงานได้อย่างดี

พนักงานใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ทำงาน ในคลังสินค้าขนาดใหญ่ การนำประโยชน์ของเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจการขนส่งสามารถบริหารจัดการพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของการเรียนรู้งาน และ การทำงานอย่างมีระบบที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

สรุป

เทคโนโลยี AR สามารถช่วยพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจโลจิสติกส์ได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การหยิบเคลื่อนย้ายของ การบรรจุ และการจัดส่ง ตลอดจนการฝึกอบรมและส่งเสริมการปฎิบัติงานของพนักงาน โดยการนำเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมเข้ามาใช้นี้ จะเป็นการเพิ่มผลประโยชน์ให้ธุรกิจซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะเป็นตัวช่วยในการทำงานของระบบโลจิสติกส์ที่ดีในอนาคตได้

หากธุรกิจใดที่ต้องการเริ่มต้นการขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยี Virtual Tech

สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก Any i ผ่านช่องทางแชทบนหน้าเว็บไซต์

Email: khem@anyimedia.com เบอร์โทรศัพท์: 085-843-1850 

ทาง any i ยินดีให้บริการทุกท่านเสมอ

ที่มา:

https:// jasoren .com

https:// www.globaltranz. com