เทคโนโลยี Interactive ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค ยิ่งมีความทันสมัย หรือ แปลกใหม่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้ผู้บริโภคมองเห็นถึงความแตกต่าง และความน่าสนใจจากแต่ละแบรนด์ โดยเทคโนโลยี Interactive ได้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายธุรกิจ อย่างการจัดกิจกรรม ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักจัดอีเวนต์ใช้เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะการจัดงานนิทรรศการ งานอีเวนต์ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถโต้ตอบ สร้างปฏิสัมพันธ์ได้ อีกทั้งยังเป็นส่วนที่เพิ่มมิติ และสร้างสีสัน ให้กับงานมากยิ่งขึ้น
วันนี้ any i มี 5 เหตุผลทำไมนักจัดอีเวนต์ต้องใช้เทคโนโลยี Interactive ให้กับงาน มาฝากทุกคนกันค่ะ
เป็นการจัดงานอีเวนต์ที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ และความรู้สึก ร่วมกับเทคโนโลยีโดยเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ ที่สามารถโต้ตอบระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ กับผู้ชมได้ ไม่ว่าจะเป็น Interactive Screen, Interactive Wall หรือ Smart Translator เป็นต้น
ตัวอย่าง Interactive Screen จากงานอีเวนต์ NYX Interactive Experience
การจัดอีเวนต์เป็นอีกหนึ่งงานสำคัญของแบรนด์ ที่จะสามารถสร้างการรับรู้ของแบรนด์ โชว์ศักยภาพ และผลงานให้กับผู้เข้าชมได้เห็น การออกแบบงานให้มีความทันสมัยด้วยการใช้เทคโนโลยี Interactive จึงเป็นสิ่งที่ Event Planner สามารถนำมาใช้เป็นแผนกลยุทธ์ที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมเกิดภาพจำให้กับธุรกิจได้ ตัวอย่างจากงาน NYX Interactive Experience ที่ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีแว่น VR มาช่วยเพิ่มประสบการณ์การเรียนสอนแต่งหน้า หรือ ใช้ Interactive Screen เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้มีกิจกรรมร่วมสนุก ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การโชว์ผลิตภัณฑ์ ได้อย่างทันสมัย จากการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกสนุก ประทับใจในกิจกรรม จนเกิดภาพจำต่อแบรนด์ที่ดีมากขึ้น
ตัวอย่าง Interactive Magic Mirror in Bangkok
จากภาพยนตร์ Batman v Superman: Dawn of Justice
Metaverse พื้นที่จำลองที่ทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ หรือตอบโต้กันได้ภายในแพลตฟอร์มออนไลน์รูปแบบเสมือน โดยนักจัดอีเวนต์สามารถนำความน่าสนใจของเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ การจำลองวัตถุเสมือน มาใช้ในการจัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมงาน อย่าง ผนังอัจฉริยะ (Interactive Wall) ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถโต้ตอบได้กับผนังกิจกรรมนั้นได้ หรือการลองชุดผ่านหน้าจอที่สามารถเปรียบเทียบแสดงผลลัพธ์ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ตัวอย่างจากงาน Interactive Magic Mirror in Bangkok ที่ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้จำลองการสวมชุด เปลี่ยนบทบาทให้กลายเป็นซุปเบอร์ฮีโร่ผ่านจอแสดงผลอัจฉริยะ ซึ่งหากธุรกิจต่าง ๆ ต้องการที่จะเติบโตให้ทันตามเทรนด์เมตาเวิร์ส การนำเทคโนโลยี Interactive มาใช้จะช่วยให้การทำกิจกรรม การโฆษณา ของธุรกิจมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นส่วนที่จะสร้างรายได้จากผู้เข้าร่วมงานได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ตัวอย่างการจัดแสดงผลงานศิลปะ VR Art Exhibition
ภาพจาก www.reddit.com
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าผู้คนให้ความสนใจในการเข้ามาเยี่ยมชม หรือ เข้าร่วมกิจกรรมอีเวนต์ลดน้อยลง เป็นเพราะการเว้นระยะห่างทางสังคม การงดจัดงาน ที่ทำให้ภาพจำของธุรกิจอีเวนต์เลือนหายออกไป เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว หลายธุรกิจจึงเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีอย่าง AR (Augmented reality) และ VR (Virtual Reality) ที่สามารถออกแบบกิจกรรม เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ เล่นสนุกร่วมกัน โต้ตอบผ่านระบบการทำงานของซอฟต์แวร์ให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถมองเห็น หรือสัมผัสวัตถุเสมือนจริงได้ในรูปแบบของ วิดีโอ ภาพ จากการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์ ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Headset, Smartphone หรือ Tablet ตัวอย่างจากงานจัดแสดงผลงานศิลปะ VR Art Exhibition ที่ได้ออกแบบการเข้าชมผลงานโดยจำลองผ่านเทคโนโลยี AR และ VR เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เข้าร่วม โดยสามารถสัมผัสวัตถุที่จัดแสดงภายในงาน พร้อมมองเห็นภาพจำลองในรูปแบบเสมือนจริง ทำให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมีสีสัน แตกต่างกับงานจัดแสดงแบบทั่วไป อีกทั้งการนำเทคโนโลยี VR เข้ามาสีส่วนร่วมในกิจกรรมยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจที่จะดึงดูดให้มีผู้ที่สนใจได้มากยิ่งขึ้น
Multi-Screen Interactive Wall
ภาพจาก www.collider.com.au
การสื่อสาร และการใช้ภาษาเป็นอีกตัวกลางสำคัญเพื่อใช้ถ่ายทอด เล่าเรื่องราว และสร้างความเข้าใจระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค โดยเฉพาะการนำเสนอผลงาน การจัดงานอีเวนต์ หรืองานสัมมนาในต่างประเทศ ซึ่งมักจะมีล่าม หรือ วิทยากรเพื่อเป็นคนแปลภาษาเพื่อให้ผู้เข้าชมได้เข้าใจถึงเรื่องที่จะนำเสนอ จึงเป็นโอกาสที่ดีหากจะนำเทคโนโลยี Interactive เข้ามามีส่วนช่วยยกระดับความเป็นมืออาชีพให้กับงานเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทำลายกำแพงข้อจำกัดทางภาษาให้ลดน้อยลง อย่างการใช้หูฟังเพื่อแปลภาษาแบบอัตโนมัติให้กับผู้ชม หรือ จอแสดง Interactive Screen ที่ผู้จัดงานสามารถเซตระบบคำอธิบายอัตโนมัติได้หลากหลายภาษา เพื่อตอบสนองผู้เข้าร่วมงานที่ต้องการรับชมงานด้วยความเป็นส่วนตัว จะเห็นได้ว่าการรองรับภาษาที่หลากหลายภายในงานอีเวนต์ เป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้เข้าใจถึงผลงานของธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยต่อยอด ในการสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจได้อีกด้วย
ตัวอย่าง Interactive media wall จากงาน Music Playing Wall
คลิปวิดีโอจาก raonsquare
ไม่ว่าจะงานอีเวนต์ หรืองานนิทรรศการ ต่างก็ต้องการที่จะสร้างบรรยากาศภายในงาน เพื่อที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกผ่อนคลาย และสนุกกับกิจกรรม นักจัดงานอีเวนต์จึงหันมาใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่เข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับผู้เข้าร่วมเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น การนำเทคโนโลยี Interactive Wall หน้าจออัจฉริยะที่ถูกพัฒนามาจากหน้าจอ Projector ประกอบการนำเสนอ ซึ่งมีระบบ Touch Screen สามารถสัมผัสลงบนจอ ทำให้ผู้เข้าชมสามารถเล่นสนุก สามารถโต้ตอบ และจำลองภาพเสมือนจริงออกมาได้ในทันที พร้อมทั้งได้รับประสบการณ์ใหม่ และเพิ่มจินตนาการทางความคิดได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างจากงาน Music Playing Wall ที่ได้มีการนำ Interactive Wall เข้ามาช่วยสร้างสีสัน เพิ่มบรรยากาศภายในงานให้มีความสนุกสนานยิ่งขึ้น โดยที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสกับรูปเครื่องดนตรีที่จะแสดงสี และตอบโต้ด้วยเสียงเพลงทำให้กลายเป็นจุดเด่นของงาน
เทคโนโลยี Interactive ที่นักจัดอีเวนต์ได้นำมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ผ่านการรับประสบการณ์ทางอารมณ์ และความรู้สึกร่วมกับเทคโนโลยี ทำให้ในปัจจุบันเราอาจได้เห็นถึงความหลากหลายของรูปแบบงานเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การชมผลงานทางศิลปะผ่านอุปกรณ์ AR (Augmented reality) และ VR (Virtual Reality) ที่สามารถรับชมวัตถุในรูปแบบเสมือนจริง, การเล่นเกมบน Interactive Wall หรือ Interactive Screen หน้าจออัจฉริยะที่มีระบบการทำงานสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ด้วยการสัมผัส เป็นต้น นอกจากนี้เทคโนโลยี Interactive ช่วยสร้างบรรยากาศภายในงานให้มีความสนุกสนานยิ่งขึ้น และช่วยในการเปิดโอกาสให้กับธุรกิจ ลดปัญหาในเรื่องข้อจำกัดด้านภาษา โดยที่ผู้จัดงานสามารถเซตระบบการแปลภาษาอัตโนมัติได้บน Interactive Screen ซึ่งจะช่วยให้สร้างความเข้าใจ ถ่ายทอดเรื่องราวออกไปได้ หากสามารถพัฒนา และออกแบบงานกิจกรรม ให้มีความทันสมัย ตามเทรนด์มากยิ่งขึ้น ก็จะช่วยให้ธุรกิจเป็นจุดสนใจของผู้คน สร้างภาพจำ เพิ่มความประทับใจ ให้กับผู้ชม และผู้ที่สนใจในงานได้อีกด้วย
หากธุรกิจใดที่ต้องการเริ่มต้นการขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยี Virtual Tech หรือต้องการจัดทำอีเวนต์ในรูปแบบเสมือน (Virtual Event) สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก any i ผ่านช่องทางแชทบนหน้าเว็บไซต์
Email: khem@anyimedia.com
ทาง any i ยินดีให้บริการทุกท่านเสมอ
ที่มา
www.vaninter.com
www.marketingoops.com
AREA OF SERVICE
Bangkok, Thailand
PHONE
061-023-7370